ความจริงและคำแนะนำของ "ลุยเดี่ยวตะลุยเที่ยวคนเดียว"

เห็นช่วงนี้ลมหนาวๆเย็นๆ ฤดูกาลท่องเที่ยงเยือนเข้ามาแล้ว แต่ก็ออกไปแล้ว 5555555
เห็นใครหลายก็บ่นอยากไปเที่ยวแล้ว และหลายคนอยากไปเที่ยวคนเดียว ก็เลยจะมาแนะนำการเที่ยวคนเดียว ***แนะนำจากประสบการ์ที่เคยไปมาบ้าง อาจะไม่ทั่วไทยหรือไม่รอบโลก แต่ก็โอโจ้ด้วย !!!

ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่า ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวเยอะนะ แต่ละที่ ที่ได้ไปเที่ยวส่วนใหญ่ประมาณ 80% ไปคนเดียว
เที่ยวเกือบครบทุกภาค แต่ละภาคอาจจะไม่กี่จังหวัดอาจจะแค่ 1 หรือ 2 จังหวัด ส่วนต่างประเทศ แต่ก็เป็นต่างประเทศครั้งแรกของชีวิตผม และก็เป็นการไปเที่ยวคนเดียว (ประเทศญี่ปุ่น)
ผมเข้าใจว่า ประเทศญี่ปุ่น สำหรับคนหลายคนแล้ว อาจจะไปมาหลายครั้งแล้ว คนเดียวก็ไปมาแล้ว เที่ยวง่ายไปมาสะดวก
เพราะฉะนั้น
** กระทู้นี้ขอมุ่งเน้นไปสำหรับคนที่ ยังไม่กล้าจะตัดสินใจ กำลังกลัว หรือกำลังอยากเที่ยวคนเดียวแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงนะครับ ไม่ถึงขั้นลาออกจากงานแล้วเอาเงินเก็ยไปท่องโลกนะ ไม่ต้องขนาดนั้นเรายังมีกิเลสอยู่

สำหรับผมแล้ว ผมแยกมันออกเป็น 4 อย่างคือ 1.รู้จักตัวเอง 2.สภาพความเป็นจริง 3.วาดฝัน 4.แรงผลัก แต่ทั้ง 4 อย่างบวกรวมกันเป็น "การตัดสินใจ"

1. รู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยครับ การรู้จักตัวเองในที่นี่หมายถึง ตั้งคำถามให้ตัวเองครับเรียนรู้ตัวให้ดี เช่น คุณรู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไร เป็นคนยังไง เป็นคนแบบไหน มีความสุขกับอะไร รู้จักตัวเอง ทัศนคติต่อโลกต่อสังคมต่อคนรอบตัวต่อตัวเองเป็นยังไง พอใจกับสิ่งไหนและไม่พอใจกับสิ่งไหน ได้ไม่ได้ ทำไม เพราะอะไร เรียนรู้ให้ให้รอบด้านครับ เพราะนี้คือประตูประการแรก ที่จะบอกว่าคำว่า เที่ยว ของคุณเป็นแบบไหน คำว่า เที่ยว ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ พอรู้มากพอแล้ว ก็มากำหนดครับว่าจะเที่ยวแบบไหน สถานที่เที่ยวต้องเป็นยังไง เมืองมั้ย ชายขอบดีเปล่า หรือลุยไปเขาไปดอย อาสาสมัครเลยมั้ย

2.สภาพความเป็นจริง (ข้อนี้ยาวหน่อย)
ซึ่งสภาพความเป็นจริงนั้นแท้จริงมันคืออุปสรรคครับ มันไม่ใช้ข้ออ้างที่ทำให้เราไม่ทำในสิ่งที่คิด ฉะนั้นข้อนี้เราจะมองในมุมของอุปสรรคครับ สภาพความเป็นจริง ผมจะแบ่งย่อยออกเป็น 2 ข้อหลักๆ 1.ปัจจัยพื้นฐาน 2.ตัวเอง

ปัจจัยพื้นฐาน : แน่นอนครับ เงิน !!! (อุปสรรคนี้จะไม่ส่งผลต่อบุคคลที่มีปัยจัยนี้เพียงพอนะครับ ถ้าใครมีปัจจัยนี้เพียงพอ แนะนำให้ไปข้อต่อไปเลย) คงไม่มีหรอกมั่งที่จะฟรีตลอดทั้งทริปโดยที่ไม่ต้องออกเงินหรือออกแรงเลย อยากน้อยก็ต้องชื้อของกินบ้างแหละเอ้า ซึ่งถ้ามีก็บอกผมด้วยนะ ผมอยากทำแบบนั้นบ้าง เงินครับเงินนนนน มันเป็นปัญหาระดับชาติครับเรื่องนี้ ใช่ครับไม่มีเงินจะไปเที่ยวยังไง ไหนบอก บินบ่ ? !!! โดยเฉพาะคนเดียวแล้วด้วย ถ้าไม่ไปเป็นอาสาสมัครนู้นนี้นั้น ก็เหนื่อยหน่อย !!! ทางออกสำหรับอุปสรรคนี้ง่ายมากครับ ก็เก็บเงินสิครับ !!! ง่ายมั้ย ง่ายโครตๆ ก็ถ้าไม่เก็บจะไปเอามาจากไหน กู้บ่ ขายบ้าน ขายรถ ? ไม่มีงาน ก็หางานทำสิ นอนเล่นๆบนเตียงแล้วเงินจะหล่นทับมั้ง !!! การไปเที่ยวญี่ปุ่นของผมคือการทำงาน Part time ครับ ชม.ละ 35 บาท ผมเก็บอยู่ 7 - 8 เดือน ผมได้ไปครับ !!! นานมั้ย นานโครต เพราะฉะนั้นครับ(ระยะเวลาขึ้นอยู่กับภาระที่คุณมี) ถ้าคุณมีเป้าหมายปักหมุดแล้ว ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยนะครับ แค่นี้ครับ จบ !!!

ตัวเอง : ข้อนี้ถ้าจะเอาให้ชัดเจนก็คือ ภาษา และทักษะการเอารอดตัวรอด แต่ถ้ารถชนโอกาศใช้ทักษะก็อาจไม่ทันได้ใช้ !!! ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวดอยอินทนนท์โดยการเช่ามอไซขับขึ้นไป แล้วผมเกิดอุบัติเหตุมอไซล้ม โชคดีที่ไม่เป็นไรมาก แต่แผลถลอกบริเวณมือก็เอาการเหมือนกัน ผมจึงต้องขับมอไซ โดยให้อากาศ 1 องศา freeze มือผมเผื่อให้เลือดแข็งตัวและหยุดไหล จากนั้นพยายามหาอุปกรณ์ทุกอย่างที่ตัวเองมีรักษาตัวเอง ถึงแม้ตอนนั้นคนจะไปเที่ยวเยอะก็จริง แต่บริเวณที่ล้มนั้น กับไม่ทีรถผ่านเลยสักคัน ต้องซวยขนาดไหน !!! มันก็ไปเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานครับ ตัง ต้องเอาตังไปจ่ายค่าซ่อมอีกกกกก !!! อีกครั้งก็คือเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งตอนที่ปักหมุดว่าจะไป ตอนนั้นสกิลอังกฤษ ต้องบอกว่า แทบศูนย์ครับ ลิมิตเข้าใกล้ศูนย์มากๆ (รู้กันเฉพาะในวงนะห่ะ) ขนาด 12 Tend ยัง งง อะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมใช้เวลาเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง 7 - 8 เดือนพร้อมๆกับเก็บตังไปด้วย ผลที่ออกมา ฟังรู้เรื่อง พูดรู้เรื่อง !!! แน่นอนไม่ถึงขั้นฝรั่งพูดรัวๆมาแล้วรู้เรื่อง หรือ Toeic 500 600 700+ ไม่งั้นผมเปิดสถาบันติวแล้ว แน่นอนมันอยู่กับสถานที่ที่คุณจะไป ไปต่างประเทศก็ต้องดูว่า ตัวคุณขาดอะไร ถ้าขาดภาษาก็สร้างมันขึ้นมา ไม่ใช่บอกว่าพูดไม่ได้แล้วไม่ทำ นั้นมันข้ออ้าง คุณจะเดินป่าเดินเขา มันมีสกิลไรบ้างที่ต้องมี ไปศึกษาแล้วทำมันขึ้นมา เราไม่ใช่มนุษย์ป่ามนุษย์ถ้ำที่จะมีสกิลพร้อม หรือมีมนุษย์ป่ามนุษย์ถ้ำ ขอลายเซ็นหน่อย !!!

3. วาดฝัน :อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนต่างก็มีเสน่ห์และเอกลักษณะต่างกันไป แต่ละที่ต่างก็มีมุมสวยๆงามๆ ด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นเวลาได้สถานที่แล้ว หยุดวาดฝันไปก่อนเลยว่า จะเจอกับสถานที่สวยๆ วิวดีๆ เพราะรูปหรือข้อมูลที่คุณได้อ่านได้เจอนั้น มันอาจไม่เป็นตามอย่างที่คุณคิดไว้ก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่ 60 – 70% มักจะไม่ตรงปกที่เหลือโชคดีครับ 555555 เพราะช่วงที่คุณไปอาจจะไม่สวยอย่างที่คุณคิดไว้ก็ได้ ต่อให้คุณพยายามก็เถอะ บางทีพระเจ้าก็พักร้อนอยู่ หรืออาจจะสวยตามอย่างที่คุณคิดไว้ก็ได้ แต่อาจจะเป็นแค่จุดนั้นจุดเดียวที่สวยก็เป็นไปได้ คือมันเป็นได้ไปหมด ผมว่ามันต้องมีบ้างแหละ ที่แบบว่าไปเที่ยวน้ำตก แต่พอไปถึงน้ำสักหยดยังไม่ตกให้กูเลย !!! ฉะนั้นเวลาที่ดูเพจรีวิวท่องเที่ยวอะไรต่างๆ ก็ช่างใจนิสสนึงงง เพราะรูปมันอาจผ่านกระบวนมาแล้วบ้าง ดูเพจรีวิวท่องเที่ยวหรือดูใครรีวิว ก็ดูอยู่บนที่ว่า ที่นั้นที่ไหน ที่นั้นมีอะไร เขานำเสนออะไร ส่วนเรื่องรูปภาพอะไรนั้นก็ดูตามสบายครับ แต่ให้ดีก็ดูแบบภาพที่ไม่ผ่านกระบวนการหรือผ่านน้อยที่สุดครับ มันคงไม่มีไหนหรอกมั้งที่ไปถึงปุ๊ป อยู่ดีดีหมอกลงบางๆ สีรอบๆตัวดูซีดๆ พาสเทลๆ  อยู่ดีดีน้ำตกก็ตกเป็นเส้นเป็นสายเลย ทั้งๆที่ไม่ได้เอากล้องไป ? อีกส่วนก็คือพวก coach life ต่างๆครับ ที่หัวข้อว่า ทำไมต้องเที่ยวคนเดียว เที่ยวคนเดียวดียังไง อะไรพวกเนี่ย ผมว่าก็เป็น coach ที่ดีนะ แต่ผมตะหงิดๆ กับพวก เรียนรู้ตัวเอง ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ไม่ได้บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้นะ มันเป็นไปได้ครับ แต่มันจะมีโอกาสอีกสักกี่ % กัน ที่ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ถ้าคุณไม่เป็นพวกที่เฟรนลี่ชวนคนอื่นคุยก่อนนะ บอกเลยยากกกกกกก ไปต่างประเทศแทบไม่คุยด้วยซ้ำ วันๆเดินแผนอย่างเดียวเลย ไปนู่นไปนี้ คนที่คุณจะได้คุยจริงๆนู้น พ่อค้าแม่ค้าร้านข้าว พนักงานโรงแรม คนขับรถ คนขายตั๋ว ก็ไม่แน่นะบางทีคุณอาจจะเอาพวกพวกเขามาเป็นเพื่อนได้ก็ได้ เอออออดีเผื่อได้ของถูก ผมเคยเจอนะเพื่อนใหม่ที่ว่าอะ ตอนผมไปภูกระดึงคนเดียว ก็มีโอกาศได้รู้จักคนร่วมทริป 2 คนซึ่งทางนั้นเขาเปิดบทสนทนาก่อน ซึ่งบางทีสถานการณ์มันบังคับให้ต้องเปิดปากก่อนก็ได้ แต่อย่างที่บอก ไปปุ๊ปได้เพื่อนเลย ถ้าไม่เฟรนลี่เปิดบทสนทนาก่อนก็โครตยากกกกกกก ส่วนเรียนรู้ตัวเองบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนไกลๆก็ได้ ไปหานั่งเล่นริมโง่ๆ คุยกับตัวเองก็เรียนรู้ได้แล้ว คำแนะนำการเรียนรู้ตัวเองให้กลับไปอ่านข้อที่ 1 ครับ

4. แรงผลัก : เอาแบบ basic เข้าใจง่ายๆที่ใครๆก็เข้าใจเลยนะ อกหัก !!! คนบางส่วนจะเริ่มจากจุดนี้กัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำให้ตัวเราอกหักก่อนแล้วค่อยเริ่มนะ ใจเย็นไม่ต้องขนาดนั้น กว่าจะทำให้ตัวอกหักคงไม่ได้ไปเที่ยวกันพอดี ฉะนั้นคุณจะต้องหาแรงผลักของตัวเองให้เจอ แรงผลักมันจะเหมือนๆผี มาๆหายๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วมันมักจะมาตอน เหนื่อยๆ เบื่อๆ ไม่ก็มาช่วงเวลาที่แย่ๆ แรงผลักตรงนี้จะเป็นตัวที่ผลักคุณออกจากกรอบที่คุณไม่เคยออกมาก่อน หรือที่กรอบปลอดภัยประเภทแบบ อยู่บ้านเฉยๆนอนตีพุงเล่นสบายใจ อะไรประมาณนี้  อย่างที่ว่าครับ ก้าวแรกยากเสมอ !!! อะไรก็ได้อะ อยากเจอโลกใบใหม่ อยากไปผจญภัย อยากเจอ อยากเห็น เป็นพนักงานดีเด่นมาทั้งปีแล้วแต่โนบัสก็ยังไม่ได้ เหนื่อย การก้าวออกครั้งแรกของผมคือ การอกหัก ตอนนั้นมันคิดแค่ว่า อยู่ที่ห้องเศร้า แล้วทำไมไม่ไปหาที่เศร้าที่อื่นวะ จึงพาตัวเองไปเกาะช้างไปคนเดียว แน่นอนครับมันไม่หายเศร้าหรอก มันก็ยังเศร้าอยู่ดีนั้นแหละ แต่ตอนนั้นคิดได้ว่า อยู่ห้องแล้วเศร้า กับ อยู่เกาะช้างแล้วเศร้า เอออก็เปลี่ยนสถานเศร้าเลย จากห้องสี่เหลี่ยม ก็มาเศร้าอยู่ทะเลเลย ดูไปพระอาทิตตก น้ำตก อาหารน่ากินๆ

ก็ประมาณนี้ครับ ที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนลุยเดี่ยว แล้วก็ตัดสินใจซะ !!! ซึ่งมันยังจะมีอีกเล็กๆ น้อยๆ ครับ ก็คือ เรื่องเพศและเรื่องทางบ้าน 2 เรื่องนี้ขอไม่พูดนะ มันค่อนข้างอ่อนไหว ( เซฟตัวเองไว้ก่อนละน้อออออ บ่อยากมาม่า ) แต่จะบอกบางส่วน ก็คือเรื่อง เพศกับเรื่องทางบ้าน มันมักเป็นอุปสรรคที่เกี่ยวพันกัน ซึ่งเรื่องพวกนี้ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคลครับ แต่ยืนยันนะ ไม่ว่าเพศอะไรก็เที่ยวคนเดียวได้จ้า
ผิดพลาดตรงไหน ไม่ชอบส่วนไหนก็อย่าเพิ่งด่าเด้อออ เค้ากลัวนะ  ทักแชทมาด่าละกันเด้อ
อยากแนะนำอะไรแนะนำกันมาได้นะครับ
ยังไงก็ขอให้คอมเม้นกันเบาๆ พยายามใช้คำหยาบให้น้อยนะ

ขอจบการแนะนำเพียงเท่านี้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่